โรคสโตรก หรือโรคหลอดเลือดสมอง เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น การเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการดูแลผู้ป่วยโรคสโตรก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนักและให้ความสนใจ
อาการของโรคสโตรก
อาการของโรคสโตรกมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และสามารถสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้:
- ใบหน้าเบี้ยว: กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้ยิ้มไม่เต็มปาก
- แขนขาอ่อนแรง: ไม่สามารถยกแขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งได้
- พูดไม่ชัด: พูดลิ้นแข็ง พูดไม่รู้เรื่อง หรือพูดไม่ได้
- ตามัว: มองเห็นภาพซ้อน หรือสูญเสียการมองเห็นในตาข้างใดข้างหนึ่ง
- ปวดศีรษะรุนแรงอย่างฉับพลัน
- เวียนศีรษะ มึนงง หรือเสียการทรงตัว
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพราะการรักษาที่รวดเร็วสามารถช่วยลดความเสียหายต่อสมองและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวได้
สาเหตุของโรคสโตรก
โรคสโตรกเกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอ ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ ดังนี้:
- หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (Ischemic Stroke): เกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้เนื้อสมองขาดเลือด
- หลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke): เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้มีเลือดออกในเนื้อสมอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคสโตรก ได้แก่:
- ความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจ
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
- ภาวะอ้วน
- ขาดการออกกำลังกาย
- ความเครียด
การดูแลผู้ป่วยโรคสโตรก
การดูแลผู้ป่วยโรคสโตรกเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความอดทนและความเข้าใจ โดยมีแนวทางดังนี้:
- การฟื้นฟูสมรรถภาพ: ผู้ป่วยควรได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องโดยทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด และนักอรรถบำบัด
- การดูแลที่บ้าน: ปรับสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย เช่น ติดราวจับ กำจัดสิ่งกีดขวาง และจัดวางของใช้ให้หยิบง่าย
- การให้กำลังใจ: สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและให้กำลังใจผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
- การทำกิจวัตรประจำวัน: ส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อฝึกการใช้กล้ามเนื้อและสมอง
- การพักผ่อน: จัดสรรเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดความเหนื่อยล้าและความเครียด
โภชนาการสำหรับผู้ป่วยโรคสโตรก
อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคสโตรก ควรมีลักษณะดังนี้:
- ลดการบริโภคเกลือและโซเดียม เพื่อควบคุมความดันโลหิต
- เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง
- เลือกบริโภคไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ปลาทะเล และถั่ว
- ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์
- ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะเบาหวานร่วมด้วย
- ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
การกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคสโตรก
การกายภาพบำบัดมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยโรคสโตรก โดยมีเป้าหมายดังนี้:
- ฟื้นฟูการเคลื่อนไหวและการทรงตัว
- เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- ลดภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง
- ฝึกการทำกิจวัตรประจำวัน
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น แผลกดทับ ข้อติด
การกายภาพบำบัดควรทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยอาจเริ่มจากการทำท่างอกล้ามเนื้อ การฝึกนั่ง ยืน และเดิน ไปจนถึงการฝึกทักษะที่ซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพและความก้าวหน้าของผู้ป่วยแต่ละราย
สถิติผู้ป่วยโรคสโตรกในประเทศไทย
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2563 พบว่า:
- มีผู้ป่วยโรคสโตรกรายใหม่ประมาณ 250,000 รายต่อปี
- อัตราการเสียชีวิตจากโรคสโตรกอยู่ที่ประมาณ 50,000 รายต่อปี
- ผู้ป่วยโรคสโตรกมีแนวโน้มอายุน้อยลง โดยพบว่ามีผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 45 ปี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10-15
ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า โรคสโตรกไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงวัย
การป้องกันโรคสโตรก
การป้องกันโรคสโตรกสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต ดังนี้:
- ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด และระดับไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และธัญพืช
- ลด ละ เลิก การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
- ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
บทสรุป
โรคสโตรกเป็นภัยคุกคามทางสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้สูงอายุ การเข้าใจถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสนใจ นอกจากนี้ การดูแลผู้ป่วยโรคสโตรกอย่างถูกวิธี ทั้งในด้านโภชนาการและการกายภาพบำบัด จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ การตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสโตรกและส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
หากท่านต้องการคำปรึกษา หรือบริการการดูแลผู้สูงอายุ สามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุศิริอรุณแคร์ โทรศัพท์ 02-227-0554